เลเซอร์อินฟาเรด
Infrared IR Laser
ประเภทของเลเซอร์ชี้เป้า
เลเซอร์ชี้เป้าสามารถแบ่งออกได้เป็น
2 ประเภท ได้แก่
"เลเซอร์สำหรับพลเรือน" (Civilian Version) และ
"เลเซอร์ทางทหาร" (Military Version) โดยแบ่งจากความเข้มของแสงเป็นหลักดังนี้
เลเซอร์สำหรับพลเรือน
(Civilian Version)
เลเซอร์ประเภทนี้จะเน้นการใช้งานด้วยตาเปล่าเป็นหลัก โดยมีฟังก์ชั่นการใช้งานและความเข้มของแสงที่น้อยกว่าเลเซอร์ทางทหาร และจะถูกจำกัดความเข้มของแสงเลเซอร์ให้อยู่ที่ Class l, Class lllA เท่านั้น โดยจะมีความเข้มของแสงตั้งแต่ 0.5mW. และไม่เกิน 5mW. เพื่อความปลอดภัยต่อสายตา
โดยส่วนใหญ่แล้วเลเซอร์สำหรับพลเรือนมักออกแบบให้มีเลเซอร์เพียง 2 ประเภท คือ
- เลเซอร์แบบมองให้ด้วยตาเปล่า(Visible Laser) โดยอาจเป็นเลเซอร์แดง หรือเลเซอร์เขียว ขึ้นอยู่กับโรงงานผู้ผลิต
- เลเซอร์อินฟราเรด(IR Laser) ส่วน
- เลเซอร์ทางทหาร (Military Version)
เลเซอร์ทางทหารนั้นจะถูกออกแบบมาเพื่อเน้นการใช้งานในเวลากลางคืนเป็นหลัก เห็นได้จากฟังก์ชั่นที่เพิ่มขึ้นจากรุ่นพลเรือนคือ "ไฟฉายอินฟราเรด" (IR Illuminator) ซึ่งช่วยเพิ่มความสว่างให้แก่กล้องตรวจการณ์ตอนกลางคืน (Night Vision Goggle) ให้มีประสิทธิภาพสามารถมองได้ในระยะที่ไกลและกว้างมากขึ้น โดยส่วนใหญ่แล้ว ไฟฉายอินฟราเรดจะสามารถปรับตั้งขนาดของลำแสงให้มีขนาดกว้างหรือแคบได้ตามต้องการ
เลเซอร์ประเภทนี้จะเน้นการใช้งานด้วยตาเปล่าเป็นหลัก โดยมีฟังก์ชั่นการใช้งานและความเข้มของแสงที่น้อยกว่าเลเซอร์ทางทหาร และจะถูกจำกัดความเข้มของแสงเลเซอร์ให้อยู่ที่ Class l, Class lllA เท่านั้น โดยจะมีความเข้มของแสงตั้งแต่ 0.5mW. และไม่เกิน 5mW. เพื่อความปลอดภัยต่อสายตา
โดยส่วนใหญ่แล้วเลเซอร์สำหรับพลเรือนมักออกแบบให้มีเลเซอร์เพียง 2 ประเภท คือ
- เลเซอร์แบบมองให้ด้วยตาเปล่า(Visible Laser) โดยอาจเป็นเลเซอร์แดง หรือเลเซอร์เขียว ขึ้นอยู่กับโรงงานผู้ผลิต
- เลเซอร์อินฟราเรด(IR Laser) ส่วน
- เลเซอร์ทางทหาร (Military Version)
เลเซอร์ทางทหารนั้นจะถูกออกแบบมาเพื่อเน้นการใช้งานในเวลากลางคืนเป็นหลัก เห็นได้จากฟังก์ชั่นที่เพิ่มขึ้นจากรุ่นพลเรือนคือ "ไฟฉายอินฟราเรด" (IR Illuminator) ซึ่งช่วยเพิ่มความสว่างให้แก่กล้องตรวจการณ์ตอนกลางคืน (Night Vision Goggle) ให้มีประสิทธิภาพสามารถมองได้ในระยะที่ไกลและกว้างมากขึ้น โดยส่วนใหญ่แล้ว ไฟฉายอินฟราเรดจะสามารถปรับตั้งขนาดของลำแสงให้มีขนาดกว้างหรือแคบได้ตามต้องการ
ชึ่งแตกต่างจากเลเซอร์ทางทหารคือความเข้มของแสงและราคาที่สูงกว่าเลเซอร์สำหรับพลเรือนหลายเท่าตัว
โดยมีความเข้มของแสงทั้งแบบเลเซอร์ปกติและเลเซอร์อินฟราเรดตั้งแต่ 30mW.
50mW. ในบางรุ่นอาจสูงถึง 90mW.
โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของตัวเลเซอร์ให้สามารถใช้งานได้ในระยะที่ไกลขึ้น
และเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น
นอกจากนี้
เลเซอร์ทางทหารยังมีฟังก์ชั่นในการปรับเลือกระดับความเข้มของแสงให้เหมาะกับการใช้งานตามสถานการณ์
โดยสามารถเลือกใช้งานได้ 2 แบบคือ
- Low Output โดยมากจะมีความเข้มของแสงเพียง 1mW. หรือ 5mW. เท่านั้น เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อสายตา มักใช้ในการปรับศูนย์ หรือการฝึก
- High Output คือการใช้งานในความเข้มของแสงสูงสุดในเลเซอร์รุ่นนั้นๆ มักใช้ในการออกปฏิบัติการ หรือการระบุตำแหน่งที่มีระยะไกล
- Low Output โดยมากจะมีความเข้มของแสงเพียง 1mW. หรือ 5mW. เท่านั้น เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อสายตา มักใช้ในการปรับศูนย์ หรือการฝึก
- High Output คือการใช้งานในความเข้มของแสงสูงสุดในเลเซอร์รุ่นนั้นๆ มักใช้ในการออกปฏิบัติการ หรือการระบุตำแหน่งที่มีระยะไกล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น